จากกระแสข่าวที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง หลังการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) วาระพิเศษเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีข่าวลือว่าพระชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดพิจิตรจะทำการลาสิกขาในวันถัดมา ส่งผลให้ประชาชนและสื่อหลายสำนักจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามบรรยากาศที่วัดท่าหลวง พระอารามหลวง จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นวัดที่ พระเทพวัชรสิทธิเมธี รศ.ดร. เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร พำนักอยู่ โดยบรรยากาศภายในวัดยังคงเป็นไปอย่างสงบ มีชาวบ้านเดินทางมาทำบุญตามปกติ และไม่พบความเคลื่อนไหวผิดสังเกตแต่อย่างใด
หลังเสร็จพิธีทางสงฆ์ในช่วงเช้า พระเทพวัชรสิทธิเมธีได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวโดยตรงว่า
“อาตมายังไม่ได้สึก และยังไม่มีการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อให้ข้อมูลต่อมหาเถรสมาคมตามที่มีกระแสข่าว”
พร้อมระบุว่าในวันนี้มีภารกิจสำคัญในการเตรียมประชุมเพื่อจัดงานแข่งขันเรือยาวประจำจังหวัดที่มหาวิทยาลัยสงฆ์พิจิตร (มจร.)
สำหรับข่าวที่อดีตสมาชิกวุฒิสภา นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ออกมาโพสต์กล่าวอ้างว่าจะมีการลาสิกขาเกิดขึ้นในวันนี้นั้น พระเทพวัชรสิทธิเมธีกล่าวชัดว่าเป็นเรื่องของความขัดแย้งส่วนบุคคลที่สะสมมานานกว่า 10 ปี และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานใดที่ชี้ชัดว่าท่านต้องหลีกเลี่ยงหรือกระทำผิด
ในส่วนของการตรวจสอบทางกฎหมาย หากมีการเรียกสอบสวนอย่างเป็นทางการ พระเทพวัชรสิทธิเมธีแสดงความพร้อมในการให้ความร่วมมือเต็มที่ รวมถึงหากจำเป็นต้องมีการตรวจ DNA ก็ยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ด้านนายกิจชัยชัย บุญปู่ ทนายความวัดท่าหลวง ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ ยืนยันว่าท่านเจ้าคณะจังหวัดบริสุทธิ์ และไม่มีพฤติกรรมหลบหนี พร้อมสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากมีการตรวจสอบตามขั้นตอน
ทั้งนี้ พระเทพวัชรสิทธิเมธี เป็น 1 ในพระชั้นผู้ใหญ่กลุ่มที่ 3 ตามรายชื่อที่ทาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ส่งมอบให้มหาเถรสมาคมเพื่อดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้น โดยมติของ มส. ระบุให้ส่งข้อมูลไปยังเจ้าคณะใหญ่หนเหนือและหนกลางเพื่อพิจารณาอย่างรอบคอบ หากพบพยานหลักฐานเพิ่มเติม
ท่ามกลางกระแสข่าวลือและแรงกดดันจากสังคม พระเทพวัชรสิทธิเมธี ยังคงดำรงสถานะสงฆ์และทำหน้าที่เจ้าคณะจังหวัดอย่างเปิดเผย พร้อมย้ำเจตนารมณ์ในการรักษาความสงบเรียบร้อยในวงการคณะสงฆ์
แหล่งข่าว: เรื่องเล่าเช้านี้, วัดท่าหลวง จ.พิจิตร
เรียบเรียงโดย: ข่าวสั้นวันนี้ พิจิตร