
แรงสะเทือนทางการเมืองเริ่มไหลย้อนกลับมาที่ภาคเหนืออีกครั้ง โดยเฉพาะในจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีฐานเสียงที่มั่นคงและแข็งแรงในระดับประเทศ กับการเคลื่อนไหวของ “บ้านใหญ่เพชรบูรณ์” ที่หลายฝ่ายมองว่ากำลังเตรียมขยับขั้วการเมืองครั้งสำคัญ
กระแสข่าวลือเริ่มชัดเจนมากขึ้นหลังจากมีรายงานว่า กลุ่มการเมืองที่เคยสังกัดพรรคพลังประชารัฐ กำลังพิจารณาข้อเสนอจากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งคาดว่ามีการเจรจาเบื้องต้นเกี่ยวกับการสนับสนุนในระดับนโยบาย แลกกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการหนึ่งตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี หากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองระดับชาติในอนาคตอันใกล้
แหล่งข่าวในพื้นที่เผยว่า ความไม่แน่นอนภายในพรรคพลังประชารัฐและการเปลี่ยนผู้นำพรรคบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มบ้านใหญ่ซึ่งมีบทบาทสำคัญทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ เริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองในระยะยาว รวมถึงความสามารถในการผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ของตน
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจไม่ใช่แค่ “การย้ายพรรค” ตามปรากฏการณ์ทางการเมืองเท่านั้น
แต่เป็นการเดินหมากที่มีนัยสำคัญต่ออนาคตของจังหวัดเพชรบูรณ์ในหลายด้าน ทั้งงบประมาณ โครงสร้างพื้นฐาน และการจัดสรรโครงการพัฒนาต่าง ๆ ในอนาคต

ฝ่ายนักวิชาการบางรายมองว่า นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ “การจัดขั้วพลังใหม่” ระดับภูมิภาค ที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของการเลือกตั้งระดับชาติในรอบหน้า ขณะที่ฝ่ายประชาชนในพื้นที่เองต่างจับตามองด้วยความกังวล เพราะเคยหวังว่านักการเมืองจะเป็นตัวแทนผลักดันความเปลี่ยนแปลงที่ตรงกับความต้องการของชุมชน
แต่คำถามที่ชวนคิดและสะท้อนสถานการณ์นี้ได้ดีที่สุดคือ…
📌 ประชาชนเลือกนักการเมือง หรือ นักการเมืองเลือกอนาคตให้ประชาชนกันแน่?
หรือแท้จริงแล้ว ประชาชนเพียงแค่ “มีสิทธิเลือก” แต่ไม่มีสิทธิชี้ทิศทางของประเทศ?
ในกระดานการเมืองที่เปลี่ยนไพ่กันได้ทุกวัน ชาวบ้านบางกลุ่มรู้สึกเหมือนถูกวางไว้เป็นเพียงหมากตัวเล็กที่รอคำสั่งจากบนกระดาน ไม่ว่าจะมีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่
คำถามสำคัญจึงอาจไม่ได้อยู่ที่ว่า “ใครจะย้ายพรรค” แต่คือ…“ใครยังจำได้บ้างว่าเคยสัญญาอะไรไว้กับประชาชน?”
ติดตามข่าวสารทาง Facebook : ข่าวสั้นวันนี้เพชรบูรณ์